.
มีประเด็นร้อนๆมาอีกแล้วครับ คราวนี้เกี่ยวกับเรื่องค่าชดเชย นายจ้างหัวหมอจะไม่ยอมจ่ายค่าชดเชย แล้วบังคับให้ลูกจ้างทำสัญญาสละค่าชดเชยซะเลย กะว่างานนี้ จะไม่ต้องจ่ายเงินก้อนเลยทีเดียว
.
ประเด็นปัญหาคือ สัญญาที่ลูกจ้างยอมสละค่าชดเชยนี้ มีผลอย่างไร? บังคับได้ตามกฎหมายไหม ? ผู้เขียนเลยมาเล่าให้ฟังครับ
*********************************************************
ก่อนอื่นมาดูข้อกฎหมายกันก่อนว่า “ค่าชดเชย” คืออะไร ?
*******************************************************
“ค่าชดเชย” หมายความว่า เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้างนอกเหนือจากเงินประเภทอื่นซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง
.
มาตรา 118 ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างดังต่อไปนี้
(1) ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบหนึ่งร้อยยี่สิบวัน แต่ไม่ครบหนึ่งปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่า
ค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามสิบวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานสามสิบวันสุดท้ายสำหรับ
ลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
(2) ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบหนึ่งปี แต่ไม่ครบสามปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง
อัตราสุดท้ายเก้าสิบวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานเก้าสิบวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่ง
ได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
(3) ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบสามปี แต่ไม่ครบหกปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานหนึ่งร้อยแปดสิบวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
(4) ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบหกปี แต่ไม่ครบสิบปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสองร้อยสี่สิบวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานสองร้อยสี่สิบวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
(5) ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบสิบปี แต่ไม่ครบยี่สิบปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามร้อยวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานสามร้อยวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
(6) ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบยี่สิบปีขึ้นไป ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสี่ร้อยวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานสี่ร้อยวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงาน
โดยคำนวณเป็นหน่วย
.
การเลิกจ้างตามมาตรานี้ หมายความว่า การกระทำใดที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทำงานต่อไปและไม่จ่ายค่าจ้างให้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้างหรือเหตุอื่นใด และหมายความ รวมถึงกรณีที่ลูกจ้างไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างเพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไป
.
ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่ลูกจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนและเลิกจ้างตามกำหนดระยะเวลานั้น
การจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาตามวรรคสามจะกระทำได้สำหรับการจ้างงานในโครงการเฉพาะที่มิใช่งานปกติของธุรกิจหรือการค้าของนายจ้างซึ่งต้องมีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของงานที่แน่นอนหรือในงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราวที่มีกำหนดการสิ้นสุด หรือความสำเร็จของงาน
หรือในงานที่เป็นไปตามฤดูกาลและได้จ้างในช่วงเวลาของฤดูกาลนั้น ซึ่งงานนั้นจะต้องแล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกินสองปีโดยนายจ้างและลูกจ้างได้ทำสัญญาเป็นหนังสือไว้ตั้งแต่เมื่อเริ่มจ้าง
.
จากข้อกฎหมายที่ผู้เขียนนำมาให้อ่าน ให้ความหมายของ “ค่าชดเชย” เอาไว้ว่าเป็น “เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้างนอกเหนือจากเงินประเภทอื่นซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง” และ
.
“การเลิกจ้าง” หมายความว่า การกระทำใดที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทำงานต่อไปและไม่จ่ายค่าจ้างให้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้างหรือเหตุอื่นใด และหมายความ รวมถึงกรณีที่ลูกจ้างไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างเพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไป
.
ส่วนรายละเอียดว่า นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยเท่าไร ก็ดูตามรายละเอียดด้านบนได้เลยครับ
****************************************************************
****แต่ประเด็นปัญหาของวันนี้ก็คือ กรณีที่มีการเลิกจ้างจริง และ มีสิทธิได้รับค่าชดเชยจริง ลูกจ้างจะสละสิทธิเรียกร้องค่าชดเชยได้ไหม ?
****************************************************************
ผู้เขียนคิดว่า ประเด็นเรื่องลูกจ้างยอมสละค่าชดเชยโดยสมัครใจ อาจจะเจอได้น้อยครับ แต่นายจ้างบังคับหรือหลอกล่อให้สละนี่ เจอบ่อย
.
นายจ้างบังคับลูกจ้าง หรือลูกจ้างยอมทำสัญญาสละค่าชดเชยนี้ เกิดผลอย่างไร ?
.
***ประเด็นนี้ ศาลฎีกาได้วางหลักไว้ชัดเจน ในฎีกาเลขที่ 2409/2507 ว่า “การจ่ายค่าชดเชย เป็นหน้าที่ของนายจ้าง หากฝ่าฝืนนายจ้างมีความผิดทางอาญา ถือว่าเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน
***การที่ลูกจ้างทำหนังสือสละสิทธิเรียกร้องค่าชดเชย จึงไม่ทำให้สิทธิของลูกจ้างที่จะได้รับค่าชดเชยระงับ”****
.
เห็นไหมครับว่า จากฎีกานี้ แม้ลูกจ้างเต็มใจทำหนังสือสละสิทธิเรียกร้องค่าชดเชย กฎหมายยังให้สิทธินั้นอยู่ ไม่ได้หายไปด้วย
.
ในระยะหลัง ศาลฎีกาได้วางหลักเพิ่มเติมว่า “ถ้าเป็นการตกลง ขณะอยู่ในฐานะลูกจ้าง ลูกจ้างไม่มีอิสระในการตัดสสินใจได้อย่างสิ้นเชิง ข้อตกลงจะเป็นโมฆะ (ฎีกา 10757/2559)
.
แต่ถ้าตกลงหลังจากที่เลิกจ้างแล้ว ไปตกลงรับเงินกันแทนการเรียกร้องสิทธิ ศาลฎีกาจะถือว่าข้อตกลงหลังเลิกจาก เป็นข้อตกลงที่ลูกจ้างไม่อยู่ภายใต้อำนาจบังคับบัญชาของนายจ้าง จึงใช้บังคับได้ ลูกจ้างจะไม่มีสิทธิเรียกร้องอีกต่อไป(เทียบเคียง ฎีกาที7740-7747/2553)
.
กรณีนี้ผู้เขียนเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเงินค่าชดเชยเป็นเรื่องที่กำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายให้ลูกจ้างเพื่อตอบแทนที่ได้ทำงานกันมานาน จำนวนที่ได้ก็เป็นไปตามที่มาตรา 118 กำหนด
.
อีกประเด็นที่ผู้เขียนอยากให้ทำความเข้าใจคือ ค่าชดเชย ไม่ใช่เรื่องของค่าเสียหายที่ลูกจ้างได้รับจากการเลิกจ้างนะครับ เราจะไม่ได้นำเอาความเสียหายมาเกี่ยวข้อง เพราะแม้ต้องขึ้นศาล ก็ไม่ต้องพิสูจน์ว่าลูกจ้างเสียหายอย่างไรหรือไม่ เป็นสิทธิที่กฎหมายกำหนดให้นายจ้างต้องทำเพื่อตอบแทนลูกจ้างที่ทำงานให้นายจ้างมานาน
.
ในมุมมองของผู้เขียน ค่าชดเชย คือเงินตอบแทนที่ลูกจ้างต้องเหนื่อยยาก เดินทางลำบาก และทำงานให้นายจ้างมาเป็นเวลายาวนาน นายจ้างจึงควรที่จะให้เงินสักก้อน เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อให้ลูกจ้างได้มีทุนรอนในการใช้ชีวิตต่อไป
.
ผู้เขียนหวังว่าท่านผู้อ่านจะได้ประโยชน์จากบทความนี้บ้างนะครับ และฝากแชร์ให้คนที่ยังทำงานอยู่ เพื่อวันหนึ่ง หากมีกรณีคล้ายกันนี้ จะได้ช่วยเหลือกันได้ครับ
.
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ
.
หากท่านไม่อยากจำและอยากมีที่ปรึกษาปัญหาแรงงาน
ทางพรรคแรงงานสร้างชาติมีหน่วยงานที่คอยช่วยเหลือดังนี้
ศูนย์ช่วยเหลือกฎหมายเพื่อประชาชน”พรรคแรงงานสร้างชาติ”
https://www.facebook.com/groups/nationlabour
.
ศูนย์ประสานงานรับร้องเรียน/ร้องทุกข์ด้านแรงงาน